บทความที่ได้รับความนิยม (Top 10)

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

รีวิวหนังสือเรื่อง "ไม่มีความเจ็บปวดใด..ไม่ให้บทเรียน (Be The Miracle, 50 Lessons for Making the Impossible Possible)"



               อ่านจบไปอีกเล่มกับหนังสือแนวจิตวิทยาพัฒนาตนเองเรื่อง "ไม่มีความเจ็บปวดใด..ไม่ให้บทเรียน (Be The Miracle, 50 Lessons for Making the Impossible Possible)" เขียนโดย "เรจีนา เบรตต์" นักข่าวหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ ที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม และแปลโดย "อังคณา ทองพูล"

               เรื่องนี้เป็นเรื่องราวชีวิตของตัวเธอเอง ที่ฝ่าลมฝ่าฝน ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ทั้งเรื่องงาน ครอบครัว เพื่อน สุขภาพ รวมไปถึงชีวิตคนรอบข้าง โดยเธอมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเป็นพระเจ้า เธอเฝ้าสวดอ้อนวอนอธิษฐานให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับเธอและคนรอบข้าง เธอได้สู้ชีวิตกับโรคมะเร็งที่อยู่ในร่างกายเธอดั่งผู้ชนะมัน เรื่องนี้มีทั้งหมด 50 บทเรียน แต่ละบทเรียนก็ต่างเรื่องราวที่เรียบเรียงเป็นตอนๆ ไม่ต่อเนื่องกัน อ่านรอบเดียวคงจะเข้าใจยากหน่อย เพราะเนื้อหาลึกซึ้ง เน้นไปทางพระเจ้า คนนับถือคริสต์น่าจะเข้าใจได้ง่าย แต่ทุกบทได้ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิต และมุมมองในการมองโลกให้เป็นสีเทา มีเศร้าก็ต้องมีสุข มีสมหวังก็ต้องมีผิดหวัง เป็นดั่งใจก็ต้องมีไม่สมดั่งใจ ทุกอย่างมีสองด้าน อยู่ที่เราจะผ่านอุปสรรคนี้ด้วยมุมมองใด ใครกำลังทุกข์ หนังสือเล่มนี้จะเหมือนครูสอนชีวิต บรรเทาจิตใจที่หม่นหมอง ไม่ให้หมองมัว อ่านแล้วจะแปรเปลี่ยน "ความเจ็บปวด" ให้เป็น "บทเรียน" #รีวิวหนังสือ #อ่านหนังสือกันเถอะ #หนังสือคือเพือนคู่คิดมิตรคู่จิตใจ ^__^

ทิ้งทวนชวนอ่าน: เนื่องจากเจ้าของบล็อกเป็นโรค "เสพติดบทความ" เปิดเน็ตทีไรต้องหาบทความอ่านตลอด และเป็นโรค "เสพติด(การอ่าน)หนังสือ" เดินไปไหนมาไหนต้องถือหนังสือติดมือตลอด ไม่งั้นรู้สึกเหมือนขาดๆอะไรไปในชีวิต (เวอร์มากแต่เรื่องจริง) จะมีคนเป็นแบบเรามั้ยแว๊? - -*

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เสพติดความสิ้นหวัง..หลังเผชิญกับความเจ็บปวดซ้ำๆ

เพลง..เสพติดความเจ็บปวด (The Yers)
               
                   วันนี้เพิ่งเข้าใจความรู้สึก "สิ้นหวัง หมดกำลังใจ ไร้พลังจะทำสิ่งใด" ก็ต่อเมื่อเจอความผิดหวังซ้ำแล้ว ความล้มเหลวซ้ำเล่า คำพูดจากคนรอบข้างที่เอาแต่ทิ่มแทงหัวใจ จนต้องนั่งจับเจ่าให้ความโดดเดี่ยวค่อยๆกัดกินหัวใจ ความรู้สึกอ้างว้างไม่เหลือใครได้ถาโถม ความพ่ายแพ้ต่อชะตากรรมชีวิตได้คอยตอกย้ำ ทำให้จิตใจเข้าใกล้คำว่า "ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป" แต่ก็ไม่ถึงกับอยากตายหายไปจากโลกใบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่อัดแน่นภายในจิตใจ ที่บ่มเพาะเมล็ดแห่งความเจ็บปวดไว้ในจิตใต้สำนึกมาเนิ่นนาน เก็บและฝังมันไว้ รดน้ำมันด้วยการเผชิญสถานการณ์และคำพูดที่ทิ่มแทงจากคนรอบข้าง มันกระทบกระเทือนจิตใจจนเหนือการควบคุม เป็นความรู้สึกที่ยากจะหาคำไหนมาอธิบาย ยากที่จะสาธยายให้ใครได้เข้าใจ ใช่..ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่มีใครคิดจะนึกถึงความรู้สึกของคนๆนี้ คนที่ไร้ค่าในสายตาทุกคน คนที่มีบาดแผลเหวอะในใจ ไร้หนทางเยียวยาและรักษาให้หายไป...


               เด็กวัยรุ่นคนนึง..ต้องมาคอยเห็นภาพเหตุการณ์บางอย่างที่โหดร้ายทารุณจิตใจ ต้องมาคอยแบกรับบางอย่างไว้ โดยที่มันเกินกำลังของตน เด็กวัยรุ่นคนนึง..ที่ชีวิตช่วงนั้นของเขาได้ขาดหายไป ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ใครๆ ต้องดูแลคนในบ้าน ต้องใช้ชีวิตและมีความคิดที่โตเกินวัย ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว จากการที่พูดอะไรไปแล้วไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครนึกถึงความรู้สึกของเด็กคนนี้ ทำให้เด็กคนนี้ต้องทนอยู่กับความเหงาและความโดดเดี่ยวมานานหลายปี กับปัญหาบางอย่างที่มันหนักหนาสำหรับวัยนั้น ถ้าเด็กคนนี้ไม่มีความอดทน คงไม่ผ่านพ้นจนเรียนจบมาถึงทุกวันนี้ คงกลายเป็นเด็กใจแตกคนนึง ไม่ก็ฆ่าตัวตายเพื่อไม่ต้องเป็นภาระใคร จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับมา แต่เขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ แม้จะต้องเจ็บปวดกับความทรงจำร้ายๆ แม้จะต้องคอยโดนความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจก็ตาม แต่ถึงจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง...


               ช่วงเวลาที่คนในครอบครัว คนที่เรารัก ต้องมาล้มหายตายจากไปอย่างกระทันหัน ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาเดียวที่เราต้องเข้มแข็ง เพื่อมีชีวิตอยู่รอดต่อไป ไม่มีเวลาให้มานั่งร้องไห้เสียใจ อาลัยอาวรณ์กับคนที่จากไปแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า..ความเข้มแข็งที่สร้างขึ้นมาอย่างหลอกๆตัวเองนั้น วันนี้มันกลายเป็นความอ่อนแอแพ้ภัยตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ถึงเวลาที่ความเสียใจนั้น มันจะจู่โจมทำร้ายจิตใจ ให้เราต้องคิดถึงคนที่จากเราไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา มีแต่ความทรงจำที่ยังอยู่ในใจให้เราได้คิดถึง...


               หัวใจคนๆนึงที่ได้ปิดตายมาแล้ว 3 ปี เพราะความรักทุกรูปแบบที่เราได้เจอ ได้ลงเอยจบด้วยการจากลาทั้งดีและไม่ดี แต่ก็ได้ฝากรอยแผลและความเจ็บปวดเอาไว้อยู่ในความทรงจำ ทำให้เราไม่กล้าเผชิญหน้ากับความรักและการผูกมัด แต่วันหนึ่ง..ได้มีคนๆหนึ่งเข้ามาในชีวิตเรา คนที่เป็นเหมือนเพื่อน เป็นกำลังใจ เป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ เป็นใครที่อยู่เคียงข้างเรา ทำให้เราหนีไม่พ้นความรู้สึกดีๆที่เกือบจะเรียกว่า "ความรัก" แต่แล้วเราต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง เมื่อคนๆนั้นคิดกับเราแค่ "เพื่อนคนหนึ่ง" เพราะเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว หนำซ้ำเขายังเอาเรื่องคนที่เขาชอบ มาปรึกษาปัญหาหัวใจกับเรา ด้วยความที่เราเป็น "นักปลอบใจ" เพราะการปลอบใจคนคือความสุขของเรา ทำให้เราต้องรับฟังและปลอบใจเขาไป ทำหน้าที่นี้ดีไม่น้อยไปกว่าดีเจพี่อ้อยพี่ฉอดแห่งคลับฟรายเดย์ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า..เราเองกำลังเจ็บเพราะเขาอยู่เหมือนกัน อีกครั้งกับการที่ไม่มีใครนึกถึงความรู้สึกของเรา...

               ชีวิตที่ต้องพบเจอกับความผิดหวัง ทั้งเรื่องครอบครัว การงาน การเงิน ความรัก ทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน มันทำให้หัวใจคนๆนึงนั้น ได้เกือบพังทลายลงไป จมปลักอยู่กับความเศร้า แต่เราก็ยังจะดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วหวังว่าสักวันหนึ่ง..มันต้องดีกว่านี้ ความโชคดี..จะต้องเป็นของเราบ้าง จะมีชีวิตอยู่..เพื่อรอวันนั้น วันที่ฟ้าหลังฝนจะสดใส :)

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สถานะ "เพื่อนรู้ใจ" เป็นอะไรที่มากกว่า "แฟน"

เพลง..เพื่อนที่เธอ (ไม่) รู้ใจ (แก้ว feat. โทโมะ)

          คำพูดที่ใช้กับ "แฟน" : ที่รัก..เค้าคิดถึงเธอจัง เค้าอยากอยู่ใกล้ๆเธอตลอดเวลาเลยนะ อย่าไปอยู่ใกล้ใคร อย่าไปคุยกับใครละ เค้าหวงนะ เค้ารักเธอคนเดียว ><
          คำพูดที่ใช้กับ "เพื่อนสนิท/เพื่อนรู้ใจ" : เห้ยแก..คิดถึงว่ะแม่ง เออ..มีไรก็เล่าให้ฟังได้นะเว่ย ถึงแกจะขี้บ่น ขี้โวยวาย ขี้วีนเหวี่ยง แต่เหวี่ยงใส่เราคนเดียวละกัน สงสารคนอื่นเขา กลัวเขาจะหาว่าแก..บ้า! 5555 รักแกนะเว่ย ^^

          สถานะ "แฟน" กับ "เพื่อนรู้ใจ" เป็นอะไรที่มีเส้นบางๆกั้นอยู่ ดูเผินๆ อาจจะคล้ายๆกัน แต่มันให้ความรู้สึกที่ต่างกัน เพราะสถานะ "แฟน" นั้น เราได้จำกัดและตีกรอบเอาไว้ ผูกมัดยึดติดเขาให้อยู่กับเราเพียงคนเดียว แต่สถานะ "เพื่อนรู้ใจ" เป็นอะไรที่ไม่ได้ผูกมัดยึดติดเขา เราไม่ได้ตีกรอบให้กันและกัน มันจึงเกิดความสบายใจมากกว่าความอึดอัด สามารถเปิดเผยตัวตนเราได้ทุกมุมทุกด้าน โดยไม่ต้องเกรงใจอีกฝ่าย ต่างคนต่างรับได้กับสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น และมันจะเป็นสถานะที่อยู่ได้นานกว่า เราอยู่กันด้วย "ความผูกพัน" เพียงแต่เราต้องไม่ล้ำเส้นคำว่า "รัก" ของกันและกัน เราต้องไม่มีคำว่า "หลง" จะมีแต่คำว่า "รัก" และ "ความเข้าใจ"

          เชื่อมั้ยว่า.."เพื่อนรู้ใจ" หายากกว่าความสัมพันธ์ที่เรียกว่า "แฟน" อีกนะ เพราะต้องเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง คบกันที่จิตใจภายใน ไม่ใช่ภายนอก แต่ถ้าเจอแล้ว คนๆนี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน..

          มี "เพื่อนรู้ใจ" ซึ่งเป็นใครที่ใจเรารู้ว่าเขานั้น "สำคัญ" เพราะเป็นคนที่เราไว้ใจ กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนทุกมุมด้าน ไม่ว่าจะด้านมืดหรือด้านสว่าง เป็นใครที่เราสบายใจที่จะระบายความอัดอั้นตันใจ แม้ไม่ได้คุยกันตลอดทุกวัน แม้จะอยู่ไกลกัน แต่มันสัมผัสได้ด้วยใจว่า..เราอยู่ใกล้กัน เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัดยึดติด เขาจะชอบใครก็ชอบไป เราจะชอบใครก็ชอบได้ แค่เราเข้าใจกันและอยู่เคียงข้างกันก็พอ บางทีมันอาจจะดีกว่าการมี "แฟน" ที่มีเอาไว้สวีทหวานฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งก็เป็นได้ ^^

          เจอแล้ว "เพื่อนรู้ใจ" ที่เวลาของการรู้จักกัน ไม่ใช่ตัววัด อาจรู้จักกันเพียงไม่นานก็เข้าใจกันได้ จะรักษาคนๆนี้ไว้ให้ดีที่สุด :)

          ทิ้งทวนชวนรู้ใจ: ตามหลักจิตวิทยาแล้ว การที่คนเราจะถูกใจกัน เข้าใจกัน มีความสัมพันธ์ดีๆเกิดขึ้น ส่วนใหญ่เพราะเกิดจากการผ่านประสบการณ์ที่คล้ายๆกัน หรือมีความสนใจในเรื่องเดียวกัน บางความสัมพันธ์ที่อัศจรรย์ อาจเกิดจากแค่เพียง "สบตา" (เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ..จริงๆนะ) หรืออาจเป็นความรู้สึก "First Impression (ความประทับใจแรกพบ)" ก็เป็นได้ ทุกคนล้วนมีกำแพงในใจ อยู่ที่ว่าใครจะสร้างไว้สูง หนา แข็งแรง (หรือที่เรียกว่า..โลกส่วนตัวสูง) การทำให้คนๆนึงกล้าที่จะเปิดใจ ให้เราได้เข้าไปสัมผัสความรู้สึกลึกๆข้างใน เป็นอะไรที่ยาก หากคบกันเพียงแค่ภายนอก แต่จะเป็นการดีมาก หากเรารู้ว่าเขาคิดอะไร รู้สึกยังไง ต้องการแบบไหน แล้วเราให้ในสิ่งที่เขาต้องการแบบพอดีๆ พยายามเข้าถึงจิตใจเขา "ความเอาใจใส่" นั้นเป็นสิ่งสำคัญและทำให้เราได้ใจเขามา เมื่อเราได้ใจเขาแล้ว อย่าลืมให้ใจเรากลับไปละ คนสองคน ต้องไม่มีการเอาเปรียบ ไม่มีใครได้เพียงฝ่ายเดียวหรือรับเพียงฝ่ายเดียว จะต้องต่างคนต่างรับและให้ซึ่งกันและกัน อยู่กันอย่างสมดุล มันถึงจะไปกันได้ยาว ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหนก็ตาม :)


กีต้าร์ตัวใหม่ กับ หัวใจดวงเดิมที่รักเสียงดนตรี
ถ้าเราแต่งเพลงให้ใคร อยากให้รู้ไว้ว่า..คนๆนั้นเป็น "คนสำคัญ" :)



วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

รีวิวการ์ตูนแอนนิเมชั่นเรื่อง "Little Prince (เจ้าชายน้อย)"


ตัวอย่างการ์ตูนแอนนิเมชั่นเรื่อง "Little Prince (เจ้าชายน้อย)"



การ์ตูนเรื่อง "Little Prince (เจ้าชายน้อย)" คือเป็นการ์ตูนที่อยากให้คุณลูก ชักชวนคุณพ่อคุณแม่มาดู มันสะท้อนชีวิตมนุษย์ในยุคโลกธุรกิจในปัจจุบัน และการใช้ชีวิตภายในครอบครัวที่ช่างห่างเหิน ระหว่าง..
แม่..ที่เป็น working woman ทำแต่งานๆๆๆ วางแผนชีวิตให้ลูกทุกย่างก้าว ปล่อยให้ลูกใช้ชีวิตตัวคนเดียวเพียงลำพัง หวังให้ลูกสอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ไม่ปล่อยให้ลูกมีเพื่อนเล่นตามประสาวัยเด็ก
ลูกสาว..ที่ชีวิตโดนตีกรอบจากแม่ ที่มีความคาดหวังในตัวลูกสาวมากเกินไป ทำให้ลูกเกือบลืมชีวิตวัยเด็ก แต่เพราะไปเจอกับคุณลุงข้างบ้าน นักกักตุนของเล่นเด็ก ผู้มีเรื่องราวที่อัศจรรย์ แต่งนิทานจากชีวิตจริง และยังไม่ลืมช่วงเวลาในวัยเด็ก เขาได้นำพาให้เด็กน้อยผู้โดดเดี่ยวที่โดนตีกรอบคนนี้ ได้มีความสุขกับการเล่นแบบเด็กๆ และพบเจอกับเจ้าชายน้อย
เจ้าชายน้อย..เด็กน้อยผู้โดดเดี่ยว อาศัยอยู่ที่ดาวแห่งหนึ่ง เปี่ยมไปด้วยความหวัง และความกล้าหาญที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก เพื่อค้นหา "คุณค่า" ของความเป็น "มนุษย์" มีดอกกุหลาบเป็นเพื่อนรัก เป็นความรักที่เขามี แต่แล้วเขาก็ได้ตัดสินใจลาจากกับดอกกุหลาบ เพื่อออกเดินทางสู่ดาวต่างๆ เจอผู้คนที่แตกต่างกัน ทั้งดีและไม่ดี ทำให้เขาได้เรียนรู้ จนวันที่เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ที่ชีวิตมีแต่งานๆๆๆ และความล้มเหลวในชีวิต จากการเปลี่ยนงานหลายที่ ทำให้เขาลืมช่วงเวลาวัยเด็กที่แสนสุขไป..
เรื่องเจ้าชายน้อยเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนนิเมชั่น ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือนวนิยายเรื่อง "Le Petit Prince" แต่งโดยนักเขียนชาวฝรั่งเศส "อ็องตวน เดอ แซ็กแตกซูว์เปรี" การ์ตูนเรื่องนี้มีสำนวนคมคาย ได้ข้อคิดเยอะมาก และสะท้อนอะไรหลายๆอย่างในความเป็นมนุษย์ เด็กดูแล้วสนุก เพราะภาพการ์ตูนน่ารัก การ์ตูนแอนนิเมชั่นจากกราฟฟิกแบบ 3D และแบบ Stop Motion ผู้ใหญ่ดูแล้ว ได้หันกลับมามองย้อนดูตัวเอง และเข้าใจความรู้สึกของลูกๆที่ตัวเองเลี้ยงดู เป็นการ์ตูนในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งไปแล้วแหละ..เจ้าชายน้อย (หอยสังข์) ^^
(แอบอินแบบร้องไห้ไปหลายฉากเลยแหละแก ><")


ทิ้งทวนชวนไปดู: การ์ตูนเรื่องนี้เข้าฉายในไทย วันที่ 22 ตุลาคม ไปดูการ์ตูนดีๆที่ได้อะไรมากกว่าความสนุกแน่นอน รับประกันโดย..ตะวัน ซันชายน์ ;)