บทความที่ได้รับความนิยม (Top 10)

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

นิยายเรื่อง "ครอบครัวไม่ผิด..ผิดที่โลกเหวี่ยงฉันลงมาผิดจังหวะ" (ตอน1: โตขึ้นหนูอยากเป็นเด็กค่ะ / พ่อหนูน่ารัก..ตอนที่เหล้าไม่เข้าปาก พ่อน่ากลัวมาก..แต่การจากไปของพ่อน่ากลัวกว่า)

          'ครอบครัวที่อบอุ่น' 'พ่อแม่ที่รับฟังและเข้าใจ' ไม่ว่าลูกคนไหนก็ต้องการ แต่ถ้าเราเกิดมาในโลกที่ไม่สวยนัก 'ความรัก' อาจไม่ใช่จุดกำเนิดของชีวิต หากเป็นเพียง 'ความผิดพลาด' แต่ (ยังดีที่) ไม่ขาด 'ความรับผิดชอบ' ประกอบกับ 'หน้าที่' ของมนุษย์ที่เป็นพ่อแม่คน ชีวิตที่โดนโลก (ที่สองหรือที่สามก็ไม่รู้สินะ) เหวี่ยงลงมาอย่างผิดจังหวะไปสักหน่อย ทำให้ชะตากรรมชีวิตเด็กผู้หญิง (จริงๆเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่หญิงตั้งแต่อายุ 8 ขวบละ) อย่าง 'เติ้ล' ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาภายในครอบครัว ต้องต่อสู้กับคำครรหาว่าเป็น 'เด็กขาดความอบอุ่น' 'เด็กมีปัญหา' 'เด็กเก็บกด' 'เด็กผิดเพศ' และการก้าวเข้าสู่โลกแห่งความจริง (ที่ไม่สวยงามตามท้องเรื่องอย่างในการ์ตูนวอลต์ดิสนี่ย์) เร็วกว่าคนอื่นในวัยเดียวกัน ก็โลกดันเหวี่ยง (เขวี้ยง! เลยดีมั้ยละ) เธอลงมาผิดจังหวะซะงั้น เห้อออออ! (-_-')

'เติ้ล'..สาวห้าว (วัยทำงาน ผ่านการเป็นบัณฑิตจบใหม่สดๆร้อนๆ)
ที่โลกเหวี่ยงให้เธอลงมาเกิดในครอบครัวแบบผิดจังหวะ


          'เติ้ล' หญิงสาวสุดห้าววัยทำงาน ที่เพิ่งผ่านการเป็นบัณฑิตจบใหม่ (ไฟลุก) เมื่อไม่นานมานี้ ดีกรีเกียรตินิยมทางด้านกิจกรรมเป็นเลิศ! มีคติประจำใจคือ "เรื่องเรียนเป็นที่สาม กิจกรรมเป็นที่สอง การมองหนุ่มสาวมาเป็นที่หนึ่ง" กายภายนอกที่มีทุกอย่างเหมือนผู้หญิง (แม้ว่าบางส่วนจะดูเล็กซะจนไม่คู่ควรกับการเป็นผู้หญิงก็ตาม) แต่จิตใจภายในของเธอแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ชายอกสามศอกบางคนเสียอีก ชีวิตเธอที่เหมือนเพิ่งเป็นวัยแห่งการเริ่มต้นก้าวเข้าสู่โลกแห่งความจริง แต่สำหรับเธอ..มันไม่ใช่เพิ่งเริ่ม โลกแห่งความจริงที่เธอโดนคนเบื้องบน (หรือเบื้องล่าง?) เหวี่ยงให้ก้าวเข้าไปเผชิญนั้น มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนเธอใช้คำนำหน้าว่า 'เด็กหญิง'

          บางคน บางคำพูด บางเหตุการณ์ บางความคิด ได้มากระทบกล่องดวงใจของเธอ (เติ้ล: ผู้หญิงไม่มีเว่ย ตลกไม่เข้าเรื่อง เดี๋ยวปั๊ดโบกคนแต่งเลยนี่แม่ม - -') .. [ตัวละครทะเลาะกับคนแต่ง ธรรมดาที่ไหน 5555] งั้นเรียกว่า 'กล่องความทรงจำ' ละกัน กล่องลึกลับสีเทาๆเขรอะฝุ่นใบนี้ ได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากถูกปิดตายมานานนับสิบปี...

          ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ณ โรงเรียนสตรีล้วนแห่งหนึ่ง ห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คาบวิชาแนะแนว เป็นชั่วโมงที่การเรียนการสอนจะพูดถึง "อนาคต(ที่อยากเป็น)" ของนักเรียนแต่ละคน ครูแนะแนวได้ถามคำถามนี้ ไล่ตั้งแต่นักเรียนหน้าห้องคนแรก จนมาถึงนักเรียนหลังห้องคนสุดท้าย สายตาที่ดุปนความเอือมระอา แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนตามประสาครูแนะแนว ส่งสัญญาณเตือนให้เพื่อนโต๊ะข้างๆได้มีปฏิกิริยาใช้ฝ่ามือ (เอ่อ..นิ้วมือละกัน) สะกิดดังเพี้ยะ!! (เรียกว่าตบหรือฟาดดีกว่าเนอะ ถ้าจะแรงขนาดนี้ -*-) ไปที่ไหล่ของ 'เติ้ล' ที่กำลังฟุบหลับน้ำลายไหลย้อยใส่สมุดที่เธอโน้ตไว้ ไม่สิ..เรียกว่าวาดรูปเล่นดีกว่า (=_=')

เติ้ล: "โอ๊ยยย!" (สะดุ้ง พร้อมโวยวายใส่เพื่อน) "มึงตบกูทำไมเนี่ย กูง่วง กูจะนอน" (=0=)Zzz
เพื่อน: "โทษทีเพื่อนรัก แต่กูว่ามึงคงนอนไม่ได้แล้วว่ะ สายตาพิฆาตจ้องมึงอยู่น่ะ" (พร้อมชี้ไปที่ครูแนะแนว)
ครูแนะแนว: "อะแฮ่ม! ครูสั่งให้เพื่อนเธอปลุกเธอเองแหละ ครูเกรงว่าการฟุบหลับของเธอในตอนนี้ อาจส่งผลทำให้คืนนี้ เธออาจจะนอนไม่หลับก็ได้นะ ครูเป็นห่วงน่ะ (ยิ้มอ่อน) อีกอย่างตอนนี้เหลือเธอคนเดียวที่ยังไม่ได้ตอบคำถามในชั่วโมงนี้ คงไม่รู้สินะว่าครูถามว่าอะไร ?" (หรี่ตาเล็กน้อยอย่างครูที่รู้ทันลูกศิษย์)
เติ้ล: "เอ่อออ..คือออ..หนูขอโทษค่ะครู หนูพยายามจะตั้งใจฟังนะคะ แต่พอดีหลายวันที่ผ่านมา หนูทำงานพิเศษเลิกดึกอะค่ะ หนูก็เลยเพลียๆ นี่ก็ฟุบหลับไปตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลยค่ะ แหะๆ" (ยิ้มแห้งๆพร้อมเกาหัวแกร่กๆ อย่างคนสำนึกผิดแบบอายๆ)
ครูแนะแนว: "ครูไม่รู้นะว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงหรือข้ออ้าง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่อการเรียนรู้ในห้องเรียนซะ แล้วชีวิตเธอจะไม่พลาดอะไรดีๆ ที่สำคัญ..ดูแลตัวเองและแบ่งเวลาให้ดี" :) (ยิ้มอย่างเข้าใจตามประสาครูแนะแนวที่มีจิตวิทยาสูง)
เติ้ล: "ค่ะครู หนูจะพยายามค่ะ เอ่อ..ว่าแต่ครูถามว่าอะไรหรอคะ? แหะๆ"
ครูแนะแนว: (ส่ายหน้าและทำตาดุเล็กน้อย) "ฟังดีๆนะ ครูจะพูดรอบเดียว ครูถามว่า 'อนาคต..โตขึ้นอยากเป็นอะไร?' "
เติ้ล: ....???? (คิดๆๆๆ นึกๆๆๆ เป็นไรดีว้า????)
         
          เติ้ลใช้ความคิดอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจตอบออกไป โดยที่ทุกคนคิดไม่ถึงกับคำตอบนี้ เป็นคำตอบที่ทำให้เพื่อนๆในห้องต้องหัวเราะน้ำตาเล็ดกะปริบกะปรอย และทำให้ครูแนะแนวต้องอ้าปากค้างกับความคิดของลูกศิษย์ตัวแสบคนนี้

ครูแนะแนว: "ที่เธอคิดนานนี่เป็นเพราะอนาคตเธอมีหลายอย่างที่อยากเป็น หรือว่าไม่มีเลย ?"
เติ้ล: "มีค่ะ โตขึ้นหนูอยากเป็น 'เด็ก' ค่ะ" ^______^
เพื่อนๆในห้อง: "ฮ่าาาาาาๆๆๆๆๆ ก๊ากกกกกกๆๆๆๆๆ 5555555555555555555555"
ครูแนะแนว: !@#$%^&*+=฿!! (สบถในใจตัวเอง นี่ลูกศิษย์ฉันมันเพี้ยน หรือฉันสอนนักเรียนไม่รู้เรื่องเนี่ย อกอีแป้นจะแตกสาแหรกขาด เห้อออออ T^T)


'เติ้ล'..เด็กผู้หญิงดื้อเงียบ (วัยเริ่มจะสาว ย่างเข้า 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ)
ที่มีความคิด "โตขึ้นอยากเป็นเด็ก"


          "โตขึ้นหนูอยากเป็นเด็กค่ะ" เป็นคำตอบที่นักเรียนหญิงผมสั้น ลุคสาวห้าววัย 15 ปี ที่เริ่มจะเป็นสาว เธอเรียนดี กิจกรรมเด่น เป็นถึงนักกีฬาบาสสุดเท่ของโรงเรียน แถมเป็นเด็กเต้นโคฟเวอร์ มีดีกรีเป็นกลุ่มตัวแทนที่ทางโรงเรียนส่งไปประกวดข้างนอก ความเท่และความเฟรนลี่ขี้เล่น (แต่ไม่เล่นขี้) ของเธอ ทำให้เธอมีทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ตามกรี้ดสมัครเป็นแฟนคลับ (ช่วยไม่ได้ ก็คนมันหน้าตาดีมีเสน่ห์ โฮะๆๆๆ ^0^) แต่ทว่าความเป็นเด็กดื้อเงียบ แสบซ่า ท้าทายฝ่ายปกครอง ด้วยการทำผมผิดระเบียบอยู่ทุกปี ทำให้เธอถูกครูฝ่ายปกครองเพ่งเล็ง หนักสุดก็โดนเรียกผู้ปกครอง ทำให้เธอโดนแม่ตำหนิและว่าเรื่องนี้อยู่เป็นประจำ เพราะเธอดันทำให้แม่ต้องอับอายขายขี้หน้า! เธอไม่ตอบโต้เถียงอะไร ได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด แต่ในจิตใจส่วนลึกนั้น มันเต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ อยากจะอธิบายเหตุผล และระบายความรู้สึกให้คนในครอบครัวได้เข้าใจ แต่กลับไม่มีใครเปิดใจรับฟัง หลายๆปัญหาทั้งภายนอกและภายในจิตใจ ได้ถูกเก็บซ่อนไว้ในเบื้องลึกของจิตใจ ด้วยความเป็นเด็ก (เริ่มจะ) สาววัย 15 ปี ที่ต้องใช้ชีวิตเกือบจะด้วยตัวเองทั้งหมด เนื่องจากเธอเป็นลูกคนโต (มีน้องชายหนึ่งคนที่ห่างกัน 7 ปี) พ่อแม่แยกทางกันด้วยเหตุผลของผู้ใหญ่ ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่ใช่เรื่องของเด็ก" (แต่เด็กอย่างเรารับรู้และเข้าใจมาโดยตลอด)

          หลังจากที่แม่..บุคคลที่เป็นทุกอย่างของเธอ ได้ตัดสินใจแยกทางกับพ่อที่ขี้เหล้า เอาแต่อาละวาด ทำร้ายร่างกายแม่ ทำลายจิตใจลูก โดยแม่ได้ไปรักษาแผลกายและใจ พร้อมกับหาทางเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิม โดยได้ทิ้ง..ไม่สิ เรียกว่าได้ปล่อยให้เธอได้ก้าวเข้าไปในโลกแห่งความจริงก่อนใครในวัยเดียวกัน และเผชิญหน้ากับปัญหาภาระที่เธอต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบในหลายๆอย่าง ฐานะปานกลาง พอมีพอกิน แต่หนี้สินก็พอตัว เธออาศัยอยู่กับพ่อขี้เหล้า ที่เวลาเมาจะชอบทำตัวหน้าใหญ่ แจกจ่ายเงินเลี้ยงมิตรสหาย บ่อยๆก็อาละวาด ทำลายข้าวของ หนักสุดๆก็คงเป็นการทำร้ายร่างกายแม่ ให้เธอได้เห็นบ่อยๆ เผลอๆการที่เธอเข้าไปช่วยแม่ ก็พาลโดนลูกหลงไปด้วย ตอนเด็กมากๆ (วัยที่รู้เรื่องแต่ไม่ค่อยรู้ราว) เธอเคยร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว พร้อมโทรไปแจ้งตำรวจ ให้มาจับพ่อตัวเอง ในข้อหาทำแม่หนูเลือดออกไปทั้งหน้า! ตำรวจคงตกใจมากกับเสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้สะอื้นจนพูดไม่เป็นคำ แต่ที่น่าขำก็คงจะเป็นข้อหาที่เธอโทรมาแจ้ง 'ลูกโทรแจ้งจับพ่อตัวเอง' ใช่..อ่านไม่ผิดหรอก และคงไม่มีใครเข้าใจกับสถานการณ์นั้นที่เด็กน้อยอย่างเธอพบเจอ แต่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จบที่ว่า 'มันเป็นเรื่องของคนในครอบครัว' ค่ะ..ตามนั้น

          เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้กลัวพ่อตัวเอง ขนาดที่แทบจะวิ่งหนีขึ้นห้องตัวเองยามพบสบตา หรือแม้กระทั่งได้ยินเสียงพ่อ อย่าว่าแต่จะพูดคุยปรึกษาอะไรเลยจริงๆ วันไหนที่พ่อไม่กินเหล้า ไม่เมา ไม่อาละวาด (คงเป็นวันที่เงินหมดละมั้ง) วันนั้นพ่อลูกจึงจะมีเวลาได้สบตาอ้าปากพูดคุย ดีหน่อยก็นั่งกินข้าวด้วยกัน ในความคิดเธอ..เธอรู้ว่าพ่อเธอเป็นพ่อที่ดี (แต่อาจไม่ใช่สามีที่ดีสักเท่าไหร่ในสายตาภรรยา) เวลาเหล้าไม่เข้าปาก เบียร์ไม่ตกถึงท้อง เหล้าดองไม่เข้าสู่กระแสเลือด พ่อเธอน่ารักมาก เป็นผู้ชายอบอุ่นที่ชอบเข้าครัวทำอาหารให้ลูกทาน ชอบรดน้ำต้นไม้ ชอบซื้อของเล่นให้ลูก ชอบประดิษฐ์สิ่งต่างๆให้เป็นของเล่น (ถ้าของเล่นที่ลูกอยากได้มันจะแพงเกินไป อย่างเช่น กลองชุด เธออยากได้มันมาก จนพ่อต้องลงทุนประดิษฐ์กลองชุดมินิสไตล์กล่องลัง กะละมัง ถัง หม้อ ฝาหม้อ พ่อเธอก็ลงทุนตอกตะปู เสกของเหลือใช้ในบ้าน ให้กลายเป็น 'กลองชุดแบบโฮมเมด' และเธอก็รักเจ้ากลองชุดที่สร้างด้วยน้ำมือของพ่อตัวเองมาก) ใช่..พ่อเธอน่ารักเวลาที่ไม่เมา เธอไม่เคยโทษพ่อเธอเลย (แม้บางครั้งจะนึกโกรธโมโหก็ตาม) แต่เธอโทษไอ้น้ำเมาที่เปลี่ยนนิสัยพ่อตัวเอง เธอจำได้ในวัยเด็กอนุบาล เธอเคยขอให้พ่อเธอเลิกเหล้าในวันพ่อ พ่อรับปากว่าจะเลิก เธอยิ้มดีใจแล้วเข้าไปกอดพ่อ แต่เธอก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเธอยังคงเห็นพ่อกินเหล้าเมาแทบทุกวัน พ่อเคยบอกเธอว่า..พ่อพยายามแล้ว แต่มันทรมานเหมือนจะตาย พ่อขาดมันไม่ได้ พ่อต้องกิน แต่พ่อจะพยายามกินให้น้อยลงนะ เธอสงสารพ่อและเห็นใจว่ามันคงจะทรมานร่างกายพ่อมาก เพราะพ่อทั้งไอ อาเจียน กินอะไรไม่ได้ นอนไม่หลับ กระวนกระวาย หน้าแดง ตัวแดง มือสั่น (อาการคล้ายๆคนลงแดง เพราะพ่อเป็นหนักถึงขั้นโรคแอลกอฮอลลิซึ่ม) ใช่..เธอเห็นใจ แต่เธอไม่อยากจะเข้าใจ ยังคงอยากให้พ่อเธอเลิกเหล้า และความแสบของเธอนั้น ก็ทำให้พ่อได้ดื่มด่ำกับรสชาติเหล้าตัวใหม่ที่ปรุงและหมักด้วยฝีมือลูกสาวตัวเอง เธอผสมทั้งน้ำปลา+น้ำส้มสายชู+เป๊ปซี่+น้ำตาล+พริก ลงในขวดเหล้ายี่ห้อ 'แสงโซม' คนๆ เขย่าๆ เชรคๆ จนได้ที่ แล้วเอาเหล้าตัวจริงเสียงจริงทั้งหมดไปเททิ้ง! เป็นไปตามคาด พ่อเธอเข็ดกับเหล้าตัวใหม่ไปหลายวัน แต่ก็แค่ชั่วคราวกับคนที่ติดเหล้าขั้นหนัก จนเธอเองก็จนปัญญา เลยปล่อยไปแบบเอาที่พ่อสบายใจ และทำใจรับชะตากรรมต่อไป...

         5 ธันวาคม 'วันพ่อแห่งชาติ' วันที่เธอได้ทำอะไรให้พ่อทุกๆปี ตอนเด็กๆวัยอนุบาล..เธอเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มพ่อสองฟอดแน่ะ วัยประถม..เธอก็วาดรูปพ่อเธอหัวหยอยๆ (พ่อเธอผมหยิกน่ะ) จับมือแม่กับเธอไว้ พร้อมให้นมตราหมีกระป๋อง วัยมัธยม..เธอก็เขียนเรียงความส่งเข้าประกวดที่โรงเรียน ได้รับรางวัลชนะเลิศ พร้อมเอาเรียงความและรางวัลนั้นไปให้พ่อเธอได้ชื่นชม ก้มลงกราบพร้อมพวงมาลัย วัยมหาลัย..เธออัดคลิปร้องเพลงที่แต่งเอง ส่งไปให้พ่อได้ฟัง เธอไม่สามารถกลับไปหาพ่อได้ เพราะเธอต้องเรียนและทำงานไปด้วยที่มหาลัย จนมาถึงวันพ่อแห่งชาติ..ที่อาจเป็นวันพ่อสุดท้ายของพ่อเธอ

ภาพวาดฝีมือเด็กประถมอย่าง 'เติ้ล' ที่ตั้งใจวาดให้เป็นของขวัญวันพ่อ


          วันพ่อในปีสุดท้ายที่เธอเรียนจบ เธอกับน้องชายตั้งใจไว้ว่าจะเอาพวงมาลัยไปกราบไหว้พ่อ พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองเพื่อถวายแด่ในหลวง เธอกับน้องชายถือพวงมาลัยคนละหนึ่งพวง เมื่อทั้งสองได้พบกับพ่อ พ่อ..ที่วันนี้ร่างกายซูบผอม ทรุดโทรม เรี่ยวแรงแทบไม่มี เนื่องจากโดนโรคพิษสุราเรื้อรังและตับแข็งทำลาย พ่อ..ที่สายตาเต็มไปด้วยความดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกทั้งสองอีกครั้ง เธอกับน้องคลานเอาพวงมาลัยไปไหว้ตักพ่อ พ่อนิ่งไปสักพัก พร้อมพูดให้พรว่า..

พ่อ: "ป๊ารู้..เดี๋ยวป๊าก็ไม่อยู่แล้ว ป๊าดีใจนะที่เห็นสองพี่น้องรักกัน ป๊าขอให้ลูกทั้งสองมีชีวิตที่ดี มีอนาคตที่สดใส อย่าได้มีชีวิตแบบป๊าเลย ป๊าขอบคุณนะที่ยังนึกถึงป๊า และป๊าขอโทษที่เป็นพ่อที่ไม่ดี" (พ่อพูดเสียงสั่น พยายามข่มน้ำตาเอาไว้)
เติ้ล: "ป๊าอย่าพูดแบบนี้สิ ยังไงป๊าก็เป็นพ่อของหนู หนูเองก็เคยทำไม่ดีกับป๊าไว้เยอะ หนูขอโทษนะ และตอนนี้หนูก็ไม่ถือโทษโกรธป๊าแล้ว ป๊าเป็นป๊าที่น่ารักนะ ไอ้เหล้าน้ำดำต่างหาก ที่มันทำให้ป๊าเป็นแบบนี้ ป๊าไม่ต้องห่วงนะ หนูจะดูแลน้องให้ดี จะพยายามหาทางรักษาป๊า และจะเป็นเสาหลักของครอบครัวให้ได้ ป๊าก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะคะ" (พูดเสียงสะอื้นทั้งน้ำตา)
          และในวันพ่อปีนี้ เธอตั้งจิตไว้ว่าจะไปบวชชีถือศีล 8 ที่วัด เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ เพื่อเป็นบุญกุศลแก่พ่อแม่ ครอบครัว ตัวเอง รวมไปถึงพระเจ้าอยู่หัว และบุญกุศลที่เธอได้พึงกระทำด้วยความตั้งใจนั้น บันดาลให้พ่อของเธอนอนตายตาหลับ ลาลับจากโลกนี้ไปอย่างสงบ โดยที่เธอไม่คาดคิดว่ามันจะเร็วเช่นนี้ ไม่คิดว่าคำพูดสุดท้ายที่พ่อได้พูดเป็นลางนั้น มันจะเป็นจริงในวันที่เธอเองตั้งใจภาวนาจิตให้พ่อของเธอหายป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่กลายเป็นว่าการภาวนาจิตในครั้งนี้ นำพาดวงวิญญาณของพ่อพ้นทุกข์ไปสู่สุคติ และเธอก็ได้อโหสิกรรมแล้วต่อกัน...

          การจากไปของคนในครอบครัวเติ้ล ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง กับความสูญเสียอย่างกระทันหัน ที่มันทำให้เธอหวนรำลึกนึกย้อนไปถึงอีกบุคคลนึง ซึ่งการจากไปยิ่งกว่ากระทันหัน แต่มันผิดจังหวะมาก! บุคคลนี้เป็นบุคคลที่มีคุณค่าทางจิตใจ แล้วเธอก็รักสุดหัวใจ บุคคลที่ทำให้เธอเรียนรู้ที่จะดูแลคนในครอบครัวด้วยหัวใจ

          กล่องความทรงจำสีเทาๆที่เขรอะฝุ่นนั้น ได้นำพาให้เธอได้เห็นภาพที่เธอไม่มีวันลืม...
'ภาพการจากไปของคุณย่า ที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงนอน ด้วยใบหน้าที่มี..รอยยิ้ม'


'เติ้ล'..ผู้โดดเดี่ยว
 
         
ทิ้งทวนชวนติดตามตอน 2: ชีวิตผิดจังหวะ..ที่ขาดความสมบูรณ์ของครอบครัว ชีวิตผิดจังหวะ..ที่เต็มไปด้วยปัญหาและชะตากรรมแสนทารุณจิตใจ ชีวิตผิดจังหวะ..ที่หนีไม่พ้นการสูญเสีย ชีวิตผิดจังหวะ..ที่ต้องก้าวเข้าสู่โลกแห่งความจริงก่อนวัย 'เติ้ล'..จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร? เธอจะต้องพบเจอกับอะไร? เธอจะมีช่วงชีวิตที่ถูกจังหวะบ้างไหม? อะไรที่ทำให้เธอตอบคำถามครูแนะแนวไปแบบนั้น? (ถ้าจำไม่ได้ก็ย้อนกลับไปอ่านชื่อตอนนะคะ) สุดท้ายนี้..เธอไม่เคยมองว่าครอบครัวเธอผิด :)

หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ (สมมติว่าอยากแต่งนิยายสักเรื่องเกี่ยวกับ 'เด็กเก็บกด' ที่มีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ)

คำเตือน!: อ่านให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา ถูกอารมณ์ ถูกชีวิต และถูกจังหวะ (ถูกใจด้วยก็ดีนะ)

ผู้แต่ง: ตะวัน ซันชายน์
         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น