บทความที่ได้รับความนิยม (Top 10)

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

พิชิตสอบ เทคนิคอ่านหนังสือให้พบคำตอบ ทำข้อสอบได้ (เป็นกำลังใจให้รุ่นน้องมหาลัย)

เพลง..โชค A (B King)

          "โอ๊ยยย ขี้เกียจอ่านหนังสือสอบจังเลย สอบก็เยอะ เนื้อหาก็แยะ อ่านกี่รอบก็จำไม่ได้สักที นอนดีกว่า ค่อกกก (=0=)Zzz"
ช่วงเทศกาลสอบของนักศึกษามหาลัย เชื่อว่ามีหลายคนต้องบ่นแบบประโยคข้างต้นนี้ (ตัวเราเองก็ยังเคยบ่นเลย5555) แต่บ่นยังไง สุดท้ายก็ต้องอ่านหนังสือสอบอยู่ดี แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า..ทำไมเราจำไม่ได้สักทีนะ อ่านวิชานั้น ลืมวิชานี้ ความรู้ตีกันยุ่งในหัวไปหมด ท้อแท้จนไม่อยากอ่าน หรือบางคนอาจปลงกับชีวิต จนไม่อ่าน หวังพึ่งบุญกุศลที่ได้ทำมาในชาตินี้ แบบนี้ก็ไม่ไหวนะจ๊ะหนู - -' 

          บทความนี้จึงจะมาบอกวิธีการแก้ปัญหา ว่าต้องทำอย่างไร จึงจะอ่านหนังสือสอบให้เข้าใจ และจดจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ (จากการรวบรวมข้อมูล และเทคนิคเฉพาะตัวของตัวเอง)

ที่มา: http://i108.photobucket.com/albums/n32/koohjung_2006/renew/roughwhat2.jpg

1. สุขก่อนสอบ: ก่อนจะอ่านหนังสือสอบอย่างจริงจัง ให้ทำตัวเองให้มีความสุขที่สุด หากิจกรรมที่ทำแล้วรู้สึกผ่อนคลาย (หากคิดว่าเวลาที่มีอยู่จะอ่านหนังสือทัน) ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ฟังเพลง เดินเล่น เม้ากับเพื่อน หรือจะนอนชาร์จพลังให้เต็มอิ่มเลยก็ได้

2. เงียบสงบ สยบกิเลส: หาสถานที่อ่านหนังสือที่เงียบสงบ ห่างไกลจากสิ่งยั่วกิเลส เช่น มือถือ ทีวี คอมพิวเตอร์ และไร้เสียงรบกวน ชวนสมาธิแตก ไม่ควรฟังเพลงไป อ่านหนังสือไป เพราะเป็นเรื่องยากที่สมองจะแยกประสาท (ยิ่งคนสมาธิสั้น ยิ่งไม่ควรทำ) ที่สำคัญ หลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือบนที่นอน เพราะมันจะดูดพลังงานความขยัน และเพิ่มความขี้เกียจให้ตัวเรา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอนหลับคาหนังสือสอบ (ค่อกกกก พรุ่งนี้ค่อยอ่านละกัน =0= Zzz)

3. อ่านคนเดียว เฟี้ยวกว่าอ่านหลายคน: การอ่านหนังสือเงียบๆคนเดียว จะทำให้เรามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่เราอ่าน มากกว่าการอ่านติวกับเพื่อนหลายๆคน (ถ้าเราไม่ได้เรียนแย่ขนาดที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนต้องพึ่งพาให้เพื่อนช่วยติว) อันนี้เหตุผลง่ายๆเลยคือ..เพื่อนๆจะพากันเม้ามอย คุยเล่น ไม่เป็นอันอ่านหนังสือ แต่ก็มีเพื่อนบางกลุ่มที่อ่านหนังสือด้วยกันแบบเงียบสงบ (อันนี้ก็แล้วแต่สไตล์คนละเนอะ)

4. รู้ใจอาจารย์ อ่านอย่างมีเทคนิค: อ่านหนังสือสอบครั้งแรก ให้อ่านคร่าวๆ พอจับใจความสำคัญได้ เมื่อเราเข้าใจโดยคร่าวๆแล้ว ในการอ่านรอบต่อๆไป ให้พยายามจดจำรายละเอียดที่คิดว่าอาจารย์จะออกสอบ อาจารย์บางท่านจะบอกแนวข้อสอบ ซึ่งก็เป็นการเปิดทางให้เรา แต่สำหรับอาจารย์ท่านใด ที่ไม่บอกแนวข้อสอบ เรามีเทคนิคเฉพาะตัว (ไม่รู้จะใช้ได้ผลกับคนอื่นหรือเปล่า) นั่นคือเราต้อง "รู้ใจอาจารย์" รู้ใจในที่นี้ หมายความว่า เราต้องมีเซ้นส์ พอเดาสไตล์การออกข้อสอบของอาจารย์แต่ละท่านได้ ว่าเขาจะออกแนวไหน ส่วนไหนของเนื้อหาที่จะออกสอบ เทคนิคนี้จะใช้ได้ เมื่อเราได้ทำการสอบกับอาจารย์ท่านนั้นบ่อยๆ แต่ก็มีอาจารย์บางท่านที่ใช้วิทยายุทธ เปลี่ยนแนวการออกข้อสอบที่หลากหลาย ไม่ให้จับทางได้ (เจออาจารย์แบบนี้ คงต้องตามเวรตามกรรมแล้วละ) ยังไงก็ลองสังเกตุการออกข้อสอบของอาจารย์กันดูนะ

5. อ่าน+เขียน+พูด=สูตรสำเร็จของการจำ: การอ่านเพียงอย่างเดียว อาจไม่ช่วยทำให้เราเข้าใจหรือจดจำได้หมด เราจะต้องทำการเขียนสรุปสิ่งที่เราเข้าใจ หรือทำเป็น Mind map (แผนผังความคิด) มีการเชื่อมโยงจากไอเดียหลักตรงการ แตกกิ่งออกไปเรื่อยๆ ประกอบด้วย คำสำคัญ รูปภาพ และกระตุ้นการจำด้วยการใช้สี เพราะสมองเราจะจดจำได้ดีขึ้น เมื่อใช้เป็นภาพ สี และการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เป็นการเพิ่มความคิดและจินตนาการ เมื่ออ่านและเขียนแล้ว เราจะต้องพูดสรุป อธิบายสิ่งที่เราอ่านให้ตัวเองฟังบ่อยๆ หรือให้เพื่อนๆช่วยฟัง หากเราอธิบายอย่างลื่นไหล ไม่วกไปวนมา ทำให้เพื่อนๆเข้าใจ ข้อสอบที่ว่ายากและเยอะก็เหอะ ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก..บอกเลย วะฮะฮ่า! (^0^)

ที่มา: http://www.siraekabut.com/wp-content/uploads/2013/07/try-mind-mapping-mindmap.jpg

6. ท่องจำตอนเช้า เอาให้ชัวร์ก่อนเข้าห้องสอบ: จากงานวิจัยพบว่า ช่วงเวลาตอนเช้า เป็นช่วงเวลาที่สมองเราจะจดจำและรับข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด หากเราคิดว่าสิ่งที่อ่านคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าเราอาจจะลืมบางส่วน หรือคืนนี้อ่านอะไรไป พรุ่งนี้ตื่นเช้าวันใหม่แล้วเกิดลืม ให้รีบฝืนตื่นเช้า เพื่อมาท่องจำเนื้อหาที่จะสอบในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ แต่ขอแนะนำว่า หากเป็นไปได้ ไม่ควรมาอ่านหรือท่องจำหน้าห้องสอบ แบบที่ว่าไฟลนก้น อีกไม่กี่นาทีต้องเข้าห้องสอบ นั่นจะทำให้เรายิ่งลนลานและสติแตก จากการที่โดนเวลา (และสายตาอาจารย์คุมห้องสอบ) บีบบังคับให้สมาธิแตก อาจจะทำให้เราลืมข้อมูลที่เราอ่านก็เป็นได้

7. เคี้ยวหมากฝรั่ง ออกกำลังกาย: การออกกำลังกาย และการเคี้ยวหมากฝรั่ง (แต่ไม่ใช่ไปเคี้ยวในห้องสอบ และแปะไว้ตามโต๊ะนะ) จะทำให้มีความจำดีขึ้น เนื่องจากจะไปเพิ่มประสิทธิภาพของสมองในส่วนที่เรียกว่า "Hippocampus" ซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญในเรื่องของความทรงจำ และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้สมอง

8. งีบหลับ ดับความง่วง: หากอ่านหนังสือแล้วง๊วงง่วง อ่านไปก็ไม่เข้าสมองอยู่ดี ในเมื่อสมองมันล้า อยากจะพักผ่อน ก็อย่าไปฝืนสมองมัน แนะนำให้งีบหลับสัก 10-20 นาที (หรือที่เรียกว่า Power Nap) แต่ถ้างีบหลับเกิน 30 นาที ตื่นขึ้นมา อาจจะทำให้มึนอึนงงงวย สมองเบลอๆ เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เราจะหลับลึก และถ้าหลับยาวนาน อาจทำให้เราขี้เกียจตื่นก็เป็นได้

9. ทานอาหารดี มีชัยไปกว่าครึ่ง: รับประทานอาหารที่่ช่วยในเรื่องความจำ เช่น ปลา น้ำมันตับปลา ผักใบเขียว พืชตระกูลถั่ว เมล็ดธัญพืช แปะก๊วย ผลไม้รสเปรี้ยวตระกูลเบอร์รี่ ช็อกโกแลต ไข่ นม แต่มีเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง ที่ไม่ควรรับประทาน แต่กลับฮิตดื่มกันในช่วงสอบ สำหรับคนที่ต้องการอ่านหนังสือมาราธอน แบบไม่หลับไม่นอน เครื่องดื่มที่ว่านี้ก็คือ "เครื่องดื่มชูกำลัง" จริงอยู่ที่เครื่องดื่มชนิดนี้จะทำให้เราไม่ง่วง กระปรี้กระเปร่า แต่มันจะไปกระตุ้นประสาท เนื่องจากมีส่วนประกอบจำพวก Xanthine, Guarana, Taurine, Caffeine ซึ่งเป็นสารกระตุ้นประสาท ตอนเราดื่ม เราอาจรู้สึกมีพลังในการอ่านหนังสือ แต่พอหมดฤทธิ์ของสารเหล่านี้ สมองจะรู้สึกเบลอและอ่อนล้า แบบที่ว่าง่วงจนต้องนอนน็อคไปเป็นวันๆ (อันนี้เป็นประสบการณ์โดยตรงกับตัวเอง)

ที่มา: http://www.anantasook.com/wp-content/uploads/2014/07/energy-drink.jpg


10. อ่านจนเครียด เจียดเวลามากอดกัน: หากอ่านหนังสือสอบจนรู้สึกว่าตัวเองท้อ เครียด หัวสมองจะระเบิดเถิดเทิง รับไม่ไหวแล้ว ให้หยุดพัก นั่งหลับตาในท่าที่ผ่อนคลาย สูดลมหายใจลึกๆ หากทำเช่นนี้แล้วยังไม่ดีขึ้น วิธีที่จะผ่อนคลายความเครียดอีกวิธีหนึ่งก็คือ "การกอด" กอดพ่อ กอดแม่ กอดเพื่อน กอดแฟน(ยิ่งทำให้หายเครียดเลยจ้า) กอดหมา กอดแมว กอดตุ๊กตา กอดตัวเอง(กอดแบบนี้ใช้กับคนโสดจ้า) เพราะการกอดจะช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่า "Oxytocin (ฮอร์โมนแห่งความรัก)" และลดการหลั่งของฮอร์โมน "Cortisol (ฮอร์โมนแห่งความเครียด)" 



"พยายาม" เพื่อทำให้ "ได้"
"ตั้งใจ" เพื่อทำให้ "ดี"
หากมีสองสิ่งนี้อยู่ในตัว จงอย่ากลัวกับผลที่ออกมา
ถ้าวันนี้เราทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเราโง่ ไม่ใช่ว่าเราแพ้
เราแค่..พลาดบางสิ่งที่เรามองข้ามไป
หากครั้งนี้ไม่ใช่การสอบครั้งสุดท้าย หากยังมีครั้งหน้าให้แก้ตัวใหม่
เรามีความในใจ อยากจะบอกคนที่กำลังท้อกับการสอบว่า...
"ไม่เป็นไร เอาใหม่ ยิ้มให้หน่อยน่าาาา" ^_____^

ขอให้ทุกคนจงโชค A :)

ทิ้งทวนชวนอ่าน (สำหรับรุ่นน้องมหิดล): สุดท้ายนี้ พี่ขอเป็นกำลังใจให้รุ่นน้อง "มหิดล" และ "มหิดล กาญจนบุรี" ในการสอบครั้งนี้ น้องเข้ามาเป็นนักศึกษามหิดลด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ ระหว่างทางอาจทำให้น้องท้อแท้จนรอยยิ้มจางหายไป แต่มองไปข้างหน้าสิ ปลายทางกำลังบอกน้องอยู่ว่า "เรารอที่จะยินดีกับความสำเร็จของบัณฑิตในอนาคตอยู่นะ" พี่เชื่อว่าน้องจะต้องจบออกไปด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ ^______^


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น