บทความที่ได้รับความนิยม (Top 10)

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

รีวิวหนังเรื่อง "The Machinist (หลอน..ไม่หลับ)"


A: คุณโอเคมั้ย ?
B: แล้วผมดูไม่โอเคตรงไหน ?
A: ก็ถ้าคุณผอมไปมากกว่านี้ คุณอาจจะโดนลมพัดปลิวไปเลยก็ได้


          ผมกำลังล้างหน้า เผื่อว่ามันจะช่วยให้ผมสร่างจากความง่วง ผมเงยหน้าส่องกระจก มองใบหน้าอันโทรมๆและตาคล้ำๆของตัวเอง จู่ๆท้องผมเกิดร้องขึ้นมาด้วยความหิวโหย ผมจึงเดินไปที่ตู้เย็น ทันใดนั้น ผมต้องตะลึงกับกระดาษโพสอิทสีเหลืองที่แปะหน้าตู้เย็น ข้อความที่อยู่บนกระดาษใบนั้นคือ "Who are you ?"

          จะเป็นไปได้ไหม หากฝันร้ายที่คุณพบเจอนั้น มันตามหลอกหลอนขณะที่คุณยังไม่ได้หลับ? ฝันร้ายทั้งๆที่ยังตื่น ฝันร้ายทั้งๆที่ยังลืมตา ฝันร้ายทั้งๆที่คุณไม่ต้องการจะฝันถึงมัน!

          "คุณเป็นใคร?" คงไม่ค่อยมีใครถามคำถามนี้กับตัวเอง น้อยคนที่จะสงสัยในความเป็นตัวเอง แต่ไม่ใช่กับพนักงานคุมเครื่องจักรที่เป็นโรคนอนไม่หลับมานานนับปี เนื่องจากเขามีปมฝังใจที่แม้แต่ตัวเองยังคงไม่รู้ตัวและกำลังหนีมัน! และนั่นทำให้เหตุการณ์หลอนๆตามมาหลอกหลอนเขาไม่เว้นวัน และพาลทำให้คนรอบข้างเขาต้องเดือดร้อนไปตามๆกัน จนทำให้ใครหลายคนชี้หน้าหาว่าเขาเป็น "คนติดยา" หรือ "คนวิกลจริต" ผู้ชายคนนี้ที่ชื่อว่า "Trevor Reznik"

Christian Bale (พระเอก Batman Begins) ลงทุนลดน้ำหนักตัวเองไปกว่า 60 ปอนด์
จนเหลือแต่โครงกระดูก
 

          สิ่งแรกที่ทำให้อึ้งทึ่งตั้งแต่ยังดูไม่จบก็คือ "หุ่นที่ซูบผอมของพระเอก" แบบที่ว่าผีโครงกระดูกเดินได้หรือเปล่า คือผอมจนเห็นโครงกระดูก มันผอมน่ากลัวเกินไป แต่พอไปอ่านข้อมูลเบื้องหลัง ต้องนับถือพระเอกคนนี้มากกับการลดหุ่นให้ผอมแห้งโดยใช้เวลาไม่นาน โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่าในหนึ่งวัน เขากินได้แค่กาแฟ 1 แก้ว แอบเปิ้ล 1 ผล และทูน่าเพียงเล็กน้อย พร้อมออกกำลังกายอย่างหนัก (เป็นเรานี่คงไม่รอดตั้งแต่วันแรก ซูฮกพี่เขาเลยจริงๆ) ทำให้พระเอกอย่าง 'Christian Bale' เป็นอีกหนึ่งสุดยอดของ "Body Transformations" ในวงการณ์ภาพยนตร์เท่าที่เคยมีมา

          หนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่สนุก ไม่มีอะไรเลย ดูแล้วน่าเบื่อ ไม่เห็นเข้าใจ แต่ถ้าใครดูถึงตอนจบแล้ว จะบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้ผูกปมชวนน่าสงสัยได้ดีมาก (หากใครเป็นนักเดา คงได้สนุกละงานนี้) ตัวหนังที่เน้นอารมณ์ชวนสงสัย อึดอัด กดดัน กับบรรยากาศและการเดินเรื่อง รวมไปถึงซาวด์ดนตรีชวนหลอนโสตประสาท หนังใช้ลูกเล่นของเสียงมากล่อมประสาทความหลอน บวกกับใบหน้าอันโทรมๆไร้ซึ่งชีวิตชีวาของพระเอก ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความหลอนเบาๆแบบไม่ต้องมีผีวิญญาณโผล่มาให้สะดุ้งโหยง ก็โคตรหลอนได้ด้วยตัวหนังเอง งานนี้ต้องให้ความดีความงามกับพี่ Christian Bale เขาแหละ ที่แสดงบทบาทคนเป็นโรคนอนไม่หลับ (อีกนิดใกล้เป็นคนวิกลจริตละพี่) ได้เข้าถึงอารมณ์มาก สีหน้า แววตา ท่าทางการพูด การเดิน การปลดปล่อย การระบายอารมณ์ คือมันเสมือนจริงมาก จนนี่ก็คิดไปแล้วว่าก่อนหน้าที่พี่จะมาเล่นหนังเรื่องนี้ พี่ได้ไปเข้าคอร์สฝึกหัดการเป็นโรคนอนไม่หลับมาหรือเปล่า (ปรบมือให้กับการแอคติ้งของพระเอกคนนี้จริงๆ)



         "Trevor Reznik"  พนักงานคุมเครื่องจักรในโรงงาน ที่มีชีวิตทำงานไปวันๆ มีงานอดิเรกคือการไปพูดคุยจีบพนักงานเสิร์ฟสาวที่ร้านกาแฟ ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง และการออกเดินทางไปสู่สวรรค์ชั้นเจ็ดกับโสเภณี ที่เปรียบเสมือนเพื่อนคนเดียวในชีวิตเขา แต่แล้ววันหนึ่งกลับมีชายปริศนานามว่า "Ivan" ปรากฎตัวอย่างลึกลับในโรงงานที่เขาทำงานอยู่ เขาได้พูดคุยกับชายปริศนาคนนี้ และนึกสงสัยว่าเขาเป็นใคร ทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงาน จนพลาดทำเพื่อนร่วมงานแขนขาดคาเครื่องจักร เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนไม่พอใจในตัวเขา บวกกับใบหน้าอันโทรมๆแบบผีตายซาก ทำให้เพื่อนร่วมงานรังเกียจเขาและพร้อมที่จะขับไล่เขาออกไป!! และทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "Ivan ไม่มีตัวตน"
แล้ว Ivan เป็นใคร ?
เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร ?
ปมในใจที่ทำให้เขาเป็นโรคนอนไม่หลับคืออะไร ?
สรุปแล้วเขาจะหาคำตอบจากคำถามที่ว่า "คุณเป็นใคร ?" ได้หรือไม่ ?
ท้ายที่สุดแล้วชีวิตเขาจะได้นอนหลับพักผ่อนหรือไม่ ?
คำตอบอยู่ในหนังเรื่องนี้แล้ว อยากรู้ต้องดู ;)

              

 Reznik..ชายผู้เป็นโรคนอนไม่หลับ
Ivan..ชายผู้เป็นปริศนา
 
          ดูไปก็แอบสงสารพระเอกนะ กับอีแค่โทรมหน้าตาเหมือนผีดิบ ผอมแห้งเหมือนผีโครงกระดูก ก็โดนเพื่อนร่วมงานรังเกียจและขับไล่ หาว่าติดยา แต่สาเหตุเพราะพระเอกไม่ได้นอนหลับมาเป็นปี จึงทำให้เขามีสภาพผีตายซากแบบนี้ บางทีก็ไม่ยุติธรรมสำหรับพระเอก ทั้งๆที่พระเอกก็ตั้งใจทำงานมาโดยตลอด แต่มาพลาดเพราะอาการจิตหลอนกำเริบ ส่วนฉากที่พระเอกเผลอเกือบหลับไปนั้น แล้วจู่ๆก็ลุกขึ้นมาขัดห้องน้ำ (มีการเขียนป้ายโพสอิทเตือนตัวเองว่า "ไปซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำ") ตอนแรกก็นึกงงว่าไหงอยู่ดีๆลุกขึ้นมาขัดห้องน้ำตอนกลางคืน แต่พอดูไปดูมา คือเหมือนพระเอกพยายามหากิจกรรมทำ เพื่อไม่ให้ตัวเองหลับนั่นเอง (ทรมานร่างกายตัวเองดีแท้)


          ปกติเป็นคนดูหนังแล้วชอบหาข้อคิดที่ได้จากหนัง สำหรับเรื่องนี้แฝงข้อคิดหลายแง่มุมมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตในสังคมการทำงาน การอยู่กับคนรอบข้าง การยอมรับความผิด การเผชิญหน้ากับปัญหา การแยกแยะระหว่างความจริงกับความคิดไปเอง โดยเราจะแยกข้อคิดเป็นข้อๆตามที่เราได้รับจากหนังเรื่องนี้ คือ
1.ทุกการกระทำของเรา ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเพราะอุบัติเหตุหรือโดยตั้งใจ ทางที่ดีเราควรยอมรับความผิดนั้น และไม่คิดโทษคนอื่น
2.ทุกคนมีสิทธิทำผิดพลาด ไม่ว่าเรื่องผิดพลาดนั้นจะเล็กหรือใหญ่ หากเราคิดจะแก้ไขมันตั้งแต่ทีแรก โดยไม่คิดหนีความผิดนั้น ผลลัพธ์สุดท้ายมันอาจไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เราคิดไว้ก็ได้
3.การที่เราคิดเข้าข้างหรือหลอกตัวเองจนเกินไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียใจอย่างสุดขีดก็เป็นได้
4.การยอมรับความจริง ยอมรับตัวตนของตัวเอง เป็นสิ่งแรกที่มนุษย์ควรทำ ไม่ว่าตัวตนนั้นมันจะด้านมืดสักแค่ไหน หากเราไม่คิดยอมรับตัวเอง ก็คงไม่มีใครมายอมรับตัวตนที่แท้จริงเราได้
5.จงหาเพื่อนดีๆที่เราไว้ใจสักคนสองคน กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนกับเขา กล้าที่จะเล่าระบายความทุกข์ในใจ ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมากมาย แค่เพื่อนสักคนที่ทำให้เรารู้สึกว่า..เราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกที่โหดร้าย
6.ถ้าไม่อยากเป็นคนจิตหลอน จงนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

 
 
ดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ลองมองตัวเองในกระจก แล้วถามดูสิว่า "เราเป็นใคร ?"

ทิ้งทวนชวนอ่าน: ปกติจะชอบดูหนังแนว Psychological / Mystery / Thriller / Mindbender ออกแนวจิตวิทยา หลอนประสาทนิดๆ คนดูไม่ได้เป็นโรคจิตนะเออ แต่หนังแนวนี้มันทำให้เห็นอีกแง่มุมนึงของมนุษย์ ส่วนใหญ่จะเป็นด้านมืดของมนุษย์ เหมือนเป็นการศึกษาพฤติกรรมตัวละครไปในตัว และนี่เป็นการรีวิวหนังครั้งแรกของเรา ที่เห็นว่าหนังเรื่องนี้ดีและอยากชักชวนให้ได้ดูกัน หากเขียนผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะจ๊ะ จะพยายามฝึกฝนการรีวิวในครั้งต่อๆไป ขอบคุณสำหรับคนที่อ่านมาถึงประโยคนี้ แล้วพบกันใหม่ ขอตัวไปนอนละ ไม่อยากหุ่นเหมือน Reznik น่ะ บ๊ายยยยย กู้ดไนท์บอยแอ่นเกิร์ล ฝันดีราตรีสวัสดิ์..ผองเพื่อนชาว blogger

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น